7/06/2556

กรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน

สาเหตุของโรค เกิดจากพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมของคนทำงาน ทำให้กรดที่ออกมาย่อยอาหารไหลย้อนขึ้นไปบนหลอดอาหารซึ่งไม่ทนต่อกรด
  1. ชอบกินชา กาแฟ และของมัน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้กล้ามเนื้อหูรูดส่วนต่อระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหารคลายตัว
  2. กินอาหารไม่เป็นเวลา ชอบกินจุบจิบ กินอาหารเย็นหนัก ๆ หรือกินมื้อดึกอิ่มแล้วนอนทันที
  3. การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปจนเกินไป จะเพิ่มความดันในช่องท้องมากขึ้น
  4. ท่านอนที่ไม่ถูกต้อง หัวเสมอหรือต่ำกว่าลำตัว
อาการ เมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนกลางอก จุกในลำคอ แน่นท้อง แน่นหน้าอก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ขมในปาก คลื่นไส้ นอนไม่ค่อยหลับ กลืนอาหารลำบาก เจ็บคอ ทรมานมาก ถ้าใครมีอาการดังกล่าวละก็ รีบไปพบแพทย์นะคะ เพราะหากปล่อยให้หลอดอาหารระคายเคืองไปนาน ๆ อาจทำให้เป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
การรักษา เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน แพทย์มักจะให้ยาในกลุ่มยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร พร้อมกับย้ำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ต่อไปนี้
  1. ไม่รับประทานอาหารอิ่มเกินไปในแต่ละมื้อ ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ เพื่อให้มีอาหารในกระเพาะอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายจะได้ไม่ต้องทำงานหนักในการย่อยอาหาร สามารถย่อยอาหารได้หมดก่อนที่เราจะเข้านอน อย่ากินอย่างเร่งรีบ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่าดื่มน้ำมากในขณะรับประทานอาหาร
  2. ไม่ควรล้มตัวลงนอนในช่วง 2-3 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารเพราะกรดที่ออกมาย่อยอาหารยังไม่หมด ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นไปได้
  3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดไม่กระชับ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต เปปเปอร์มินต์ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน น้ำมัน ของทอด อาหารขยะ และอาหารที่มีไขมันสูงทั้งหลาย เป็นต้น
  4. หลีกเลี่ยงอาหารที่ไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ชา กาแฟ กระเทียม หัวหอม พริกและอาหารเผ็ดร้อน หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว แป้งข้าวโพด ลูกพรุน ส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำอัดลม น้ำตาล อาหารขยะ และอาหารที่ผ่านการแปรรูป เป็นต้น
  5. ปรับท่าทางการนอนให้ถูกต้อง นอนหนุนหมอนให้หัวสูงกว่าลำตัว พยายามนอนตะแคงขวา เพื่อจะได้ไม่กดทับท้องจนกรดไหลย้อน
  6. อย่าใส่เข็มขัด เสื้อผ้า กางเกง หรือกระโปรงที่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อไม่ให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
  7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้มากจนเกินไป
  8. พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่เครียดจนเกินไป เพราะความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกรดมาก
  9. เมื่อรู้สึกว่ากรดไหลย้อน ให้ดื่มน้ำ กลืนน้ำลาย หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อช่วยสลายกรด
ใครที่มีพฤติกรรมการกิน การนอนตามที่กล่าวมาข้างต้น โรคกรดไหลย้อนอาจมาหาคุณได้สักวัน รู้ตัวแล้วควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า จะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไร้โรคภัยค่ะ

อาหารบำรุงสมองคนทำงาน

อาหารบำรุงสมองคนทำงานสมองเราทำงานหนักทุกวัน เราจึงต้องบำรุงรักษาสมองของเราให้ว่องไว ฉลาดปราดเปรื่องไปนาน ๆ ใครที่เริ่มหลง ๆ ลืม ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มยังสาว ต้องรีบดูแลสมองของคุณโดยด่วน ส่วนวิธีการก็ไม่ยากเย็นแต่อย่างใด เพียงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง ดังต่อไปนี้

1.สร้างเซลส์สมองด้วยโอเมก้า-3 
   เซลส์สมองของเราส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยไขมันจำเป็นที่เรียกว่า โอเมก้า-3 ช่วยในการสร้างเสริมและ
ซ่อมแซมเซลส์สมอง โดยเราสามารถหาโอเมก้า-3 ได้จากอาหารต่อไปนี้
   แซลมอน
   ปลาทูน่า
   น้ำมันแฟลกซีด
   น้ำมันคาโนลา 
   วอลนัท
   จมูกข้าวสาลี
   ไข่
2.ปกป้องสมองด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 
   เมื่อเราอายุมากขึ้น อนุมูลอิสระในกระแสเลือดจะทำลายเซลส์สมองของเรา ถ้าเราไม่ต่อสู้กับมัน ความจำของเราก็จะค่อย ๆ เสื่อมลงไปตามกาลเวลา เราจึงต้องกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวก
    บลูเบอร์รี่และผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่
    บร็อคโคลี่ 
    แครอท 
    กระเทียม
    องุ่นแดง
    ปวยเล้ง
    ถั่วเหลือง
    ชา 
    มะเขือเทศ
3.เพิ่มพลังสมองด้วยโปรตีนและไทโรซีน 
   สมองของเราไม่ได้มีแค่เซลส์ประสาท แต่ยังมีสารสื่อประสาททำหน้าที่เหมือนแมสเซนเจอร์ส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาทเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง หากเรามีสารสื่อประสาทน้อยเกินไป สมองเราก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรามาเพิ่มสารสื่อประสาทด้วยการกินอาหารต่อไปนี้กันดีกว่า
   ผลิตภัณฑ์จากนม
   ไข่
   อาหารทะเล
   ถั่วเหลือง
4.หล่อเลี้ยงสมองด้วยน้ำ 
   น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ต้องการน้ำ แต่รวมถึงสมองของเราด้วย เพราะการขาดน้ำมีผลต่อสมองทำให้ความสามารถในการจดจำลดลง ถ้าอยากสมองดีเราต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตร หรือ 6 – 8 แก้วต่อวัน
5.บำรุงสมองด้วยวิตามินและเกลือแร่ 
   ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่จำเป็นต่อการทำงานของสมอง 
   วิตามินบี 6
   วิตามินบี 12
   วิตามินซี
   ธาตุเหล็ก
   แคลเซียม
    วิตามินและเกลือแร่เหล่านี้สามารถหาได้จากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว แต่ก็สามารถเสริมได้ด้วยการกินวิตามินรวมพร้อมอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี ทำให้ร่างกายและสมองนำวิตามินเหล่านี้ไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น
6.ควบคุมการทำงานของสมองด้วยไฟเบอร์ 
   ไฟเบอร์มีความสำคัญต่อสมองของเราอย่างมาก เพราะไฟเบอร์ช่วยในการทำงานของสมอง ควบคุมการดูดซึมน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ และในปริมาณที่เหมาะสม อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่จะช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดของเราได้ดี ได้แก่
    ผลไม้แห้ง เช่น แอพริคอต ลูกพรุน ลูกเกด
    ผัก เช่น บล็อคโคลี่ ถั่วเขียว ปวยเล้ง
    ถั่วต่าง ๆ
    อัลมอนด์ และแฟลกซ์ซีด
    ผลไม้ เช่น อโวคาโด กีวี ส้ม ลูกแพร์ แอปเปิล
    ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวบาร์เลย์ ข้าวกล้อง
วิตามินและเกลือแร่เหล่านี้สามารถหาได้จากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว แต่ก็สามารถเสริมได้ด้วยการกินวิตามินรวมพร้อมอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี ทำให้ร่างกายและสมองนำวิตามินเหล่านี้ไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น
   



9/22/2555

ใบย่านาง (Tiliacora triandra Diels.)

     ต้นใบย่านาง     Yanang Leaf 

         มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารมากมาย วิตามินเอ,วิตามิซีโปรตีน ,คาร์โบรไฮเดรด ,ไขมัน, แคลเซียม,ฟอสฟอรัส ,เหล็ก, ไนอาซีน, ใยอาหาร ,ไขมัน, แคลเซียม,ฟอสฟอรัส ,เหล็ก, ไนอาซีน, ใยอาหาร         ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำคั้นจากใบย่านาง มีสารคลอโรฟีลล์ (Chlorophyll) ช่วยปรับ    ความสดุลของร่างกาย มีฤทธิ์เย็น      เด็ดใบมาคั้นน้ำเป็นน้ำซุบ ปรุงอาหารได้หลายอย่าง จะใช้น้ำที่คันผสมลงในอาหาร เช่น แกงอ่อมต้มแชบ ,ซุบหน่อไม้                ประโยชน์ ของสารคลอโรฟีลล์ (Chlorophyll) ที่ร่างกายได้รับ
•ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย

• ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ

• ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน

•สร้างภูมิคุ้มกัน  โรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ 

• ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว

• ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น

• เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น

• ป้องกันการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็ง

• ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย, การใช้รักษาแผลอักเสบ, แผลเปื่อย, แผลเรื้อรัง, แผลถลอก, แผลไฟไหม้, เหงือกอักเสบ, แผลในปาก

• บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป และปวดศีรษะไมเกรนได้

• ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น

• มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
           
การทำน้ำย่านาง ล้างใบย่านางให้สะอาด 

เด็ก         ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 
ผู้ใหญ่      ใช้ใบย่านาง 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ใบย่านาง

        ใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำหรือ ขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือ  ปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า              การปั่นจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของใบย่านาง
ขยี้ใบย่านางกับน้ำแล้วกรองด้วยกระชอน
ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง ทิ้งไว้เกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม
บรรจุขวดแช่ในตู้เย็น ควรดื่มให้หมดภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุกลิ่นเปรี้ยวเป็นหลักห้ามนำมาดื่ม
 การปลูกและขยายพันธุ์
ย่านางเป็นพืชที่เติบโตได้ ในทุกสภาพดิน และสภาพอากาศทุกฤดูกาล  ขยายพันธุ์โดยการใช้หัวใต้ดิน เถาว์แก่ที่ติดหัว ปักชำยอด หรือการเพาะเมล็ด รดน้ำให้ชุ่ม 

9/20/2555

ขัดทองเหลืองให้เงาวาว

           เชิงเทียนทองเหลือง ห้องพระจะดำเร็วมาก สังเกตุดูถ้าเราวางสักระยะหนึ่ง ทองเหลืองจะเริ่มดำอีกแล้ว เพราะว่า เมื่อทองเหลืองสัมผัสกับอากาศ จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน(oxygen) นานวันจะเริ่มดำขึ้นเรื่อยๆ
        
           เมื่อก่อนลองใช้หลายวิธี  ที่ได้คำแนะนำจากผู้ใหญ่และเพื่อนๆ แนะนำ แข่น้ำมะขามเปียก ถูด้วยมะนาวราคาแพงไม่ไหว เอาอย่างนี้ดีกว่า บ้านใครมีมะเฟือง เด็ดมาสักลูกสองลูก ต้องเป็นมะเฟืองดิบนะ   ง่ายมากเลยไม่ต้องนำทองเหลืองมาแช่ 
           
           วิธีทำ
                    1.  นำลูกมะเฟืองดิบ ผ่าครึ่งลูกถูกับชิ้นทองเหลือง ทิ้งไว้ 5 นาที
                    2.  บีบน้ำยาล้างจานลงบน สก็อตไบร์ ขัดถูเบา ๆ 
                    3.  ทำความสะอาดอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า
                    4.   รีบนำผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง 

ง่ายนิดเดียว  ลองทำดูนะ ได้ผลอย่างไรโพสต์ มาบอกด้วย    สูตรนี้ทดลองด้วยตัวเอง เก็บมะเฟืองหลังบ้าน ไม่ต้องเสียสตางค์ ยุคนี้ต้องประหยัดไว้ก่อน เลยนำมาแบ่งปันลองทำกันดูนะ
         
           เปรียบเทียบดูจาก  ภาพก่อนทำและหลังทำ